ข้อที่ 1 จงขายคุณค่าหรือประโยชน์ของสินค้า (ถ้ารู้จักคิดและใช้สติปัญญา) ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการ ของลูกค้าได้ หรือ แก้ไขปัญหาของลูกค้าให้ลุล่วงไปได้ ข้อที่ 2 สินค้าทุกอย่างจะขายได้ จะต้องสัมพันธ์หรือเกี่ยวข้องกับความต้องการพื้น ฐานของมนุษย์ (Basic Needs) ซึ่งเราสามารถเร่งเร้าพัฒนาให้มีขึ้นได้ทุกเวลาและโอกาส ข้อที่ 3 การซื้อสินค้าโดยอาศัยหลักการและเหตุผลมีเป็นส่วนน้อย (ส่วนใหญ่ซื้อเพราะอารมณ์มากกว่า) ข้อที่ 4 ความเฉื่อยชาของลูกค้า (ในการตัดสินใจซื้อ) และความเฉื่อยชาของคุณ (ในการเสนอขาย) เป็นศัตรูที่ยิ่งใหญ่ต่องานขาย แต่ก็สามารถนำมาใช้เป็นประโยชน์ได้ (ถ้ารู้วิธี) ข้อที่ 5 การขายที่มีวิธีการพลิกแพลงเปลี่ยนแปลงปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่เสมอ มีผลดีกว่าการขายแบบก้าวร้าวหรือการขายแบบบีบบังคับ (ใช้อิทธิพลหรือลูกตื้อ) ข้อที่ 6 ไม่มีสินค้าใด (ในโลก) ที่ขายได้เพราะมีคุณภาพดีเลิศเพียงอย่างเดียว (ถ้าไม่มีการขาย การโฆษณาช่วยสนับสนุน) ข้อที่ 7 สินค้าราคาถูกหรือราคาแพงอาจไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ในการตัดสินใจซื้อของลูกค้า (ฝีมือคนขายมีส่วนสำคัญมากกว่า) ข้อที่ 8 หน้าที่สำคัญที่คุณพึงกระทำ คือ การสร้างความสนใจและความต้องการอย่างแรงกล้า ในการซื้อสินค้าของลูกค้า
|

|
ข้อที่ 9 การโต้เถียงชนะลูกค้าเป็นบ่อเกิดแห่งความหายนะของการขาย (อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย / พูดเป็นดีกว่าพูดได้) ข้อที่ 10 ในการเสนอขายแต่ละครั้ง หากลูกค้าไม่มีข้อโต้แย้งเลย ไม่ได้หมายความว่า คุณจะประสบความสำเร็จในการขายเสมอไป (เพราะลูกค้าอาจไม่สนใจในสิ่งที่คุณอธิบายก็เป็นได้) ข้อที่ 11 การขายหลายครั้งประสบผลล้มเหลวเสียตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้น (เพราะขาดความเชื่อมั่นในตนเองของนักขาย) ข้อที่ 12 กระบวนการขายแบ่งได้สอดคล้องกับภาวะความต้องการของมนุษย์ทั้ง 4 ระดับ (ลาภ, ยศ, สรรเสริญ, สุข ) ข้อที่ 13 ในแต่ละขั้นตอนของกระบวนการขาย จะต้องมีรายละเอียดปลีกย่อยที่นักขายพึงจดจำ และนำไปปฏิบัติให้บังเกิดผลด้วย ข้อที่ 14 การขายที่ได้ผลอาจขึ้นอยู่กับคำว่า โอกาส (การขายที่ถูกทั้งบุคคล, กาละ, และเทศะ) ข้อที่ 15 การเสนอขายตัวต่อตัว (จับเข่าคุยกันได้) จะเป็นการขายที่ได้ผลมากที่สุด ข้อที่ 16 ลูกค้าไม่จำเป็นต้องถูก หรือเป็นผู้วิเศษเสมอไป (ถ้าคุณเป็นเทวทูต คุณจะมีบทบาทและความสำคัญมากกว่า) |
http://www.nanosoft.co.th |