สปาหู ดีจริงหรือ? Ear Aromatherapy หรือ Ear Candeling
ความเครียดจากงาน... อาการปวดหูจาการใช้โทรศัพท์... หรือกม้กระทั่งคนที่เป็นไซนัส... ตลอดจนระบบทางเดินหายใจติดขัด... ปัญหาเหล่านี้สามารถทุเลาลงได้ด้วยวิธีการง่ายๆ กับศาสตร์บำบัดยอดฮิตที่เรียกว่า... "สปาหู" คำว่า "สปาหู" คงไม่เป็นที่คุ้นเคยเหมือน สปาทั่วไป ทั้งๆที่เป็นศาสตร์บำบัดดั้งเดิมของมนุษย์ และปัจจุบันเมืองไทยก็นำศาสตร์พวดนี้มาเปิดบริการ โดยการบำบัดด้วยควันจากเทียน เพื่อนวดเส้นประสาทในหู ซึ่งเชื่อมโยงกับระบบร่างกาย
ศาสตร์บำบัดเก่าแก่ของชนเผ่าอินเดียแดงแห่งลุ่มแม่น้ำอริโซนา ก็คือพวกเขานำเทียนขี้ผึ้งผสมสมุนไพร และน้ำมันหอมระเหย ทำเป็นแท่งเทียนมีแกนกลางที่กลวง ใช้ต่อเชื่อมเข้าไปในรูหู แล้วจุดเทียนเพื่อให้เกิดควันและความร้อนอ่อนๆ ผ่านเข้าไปในช่องหู ส่งผลให้เนื้อเยื่อภายในถูกกระตุ้นการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลืองภายในศีรษะ และคอ ช่วยผ่อนคลายปรับสมดุล ปรับความดัน ต่างๆ รวมทั้งอาการหวัด ไมเกรน ปวดหู ศาสตร์นี้ ได้ถูกนำกลับมาใช้ใหม่อย่างแพร่หลายในแถบยุโรป และอเมริกา เป็นศาสตร์ที่พวกเราคนไทยรู้จักกันในนามว่า สปาหู หรือ Ear Aromatherapy หรือ Ear Candeling
สรรพคุณเทียน "สปาหู" ใช้รักษาอาการไซนัส ไข้หวัด อาการภูมิแพ้ เจ็บคอเจ็บหู ลดอาการปวดเมือยเนื่องจากความดันที่สูงและต่ำ การกรน การอักเสบ ในช่องไซนัส ต่อมน้ำเหลือง การบวมของต่อมภายในหู ภาวะหูตึง ระบบการทรงตัวไม่ดี ช่วยให้ระบบการหมุนเวียนโลหิตดีขึ้น
- ลดอาการคันและบำบัดอาการน้ำในหูไม่เท่ากัน
- ขจัดแบคทีเรีย บำรุงเส้นประสาทสมองให้ สดชื่น
- ช่วยลดอาการตรึงเครียดในสมอง
- ช่วยลดอาการซึมเศร้า ขี้หลงขี้ลืม
- ลดความตรึงเครียดและความกดดันในสมอง
- สร้างความสดชื่นให้สมอง
- ทำให้ช่องหูสอาด
การทำ " สปาหู " อย่างถูกวิธีจำเป็นต้องเข้าใจถึงหลักการและขั้นตอนเสียก่อน " สปาหู " เป็นธรรมชาติบำบัดรูปแบบหนึ่งซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในกลุ่มคนรักสุขภาพแถบยุโรปและอเมริกา เป็นศาสตร์แห่งการบำบัดเก่าแก่ของชนเผ่าอินเดียแดงแถบลุ่มแม่น้ำอริโซน่า ที่นำขี้ผึ้งผสมสมุนไพรและน้ำมันหอมระเหย ทำเป็นแท่งเทียนที่แกนกลาง กลวงและใช้ต่อเชื่อมเข้าไปบริเวณรูหู และจุดไฟเทียนที่ปลายอีกด้านหนึ่ง เพื่อให้เกิดควันและความร้อนอ่อนๆ ผ่านเข้าไปในช่องหูด้านนอก อันจะส่งผลต่อเนื้อเยื่อภายในโดยรอบหูพร้อมทั้งกระตุ้นการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลืองภายในศรีษะและคอ
"มีการบันทึกประโยชน์ของสปาหูว่า ทำให้ผ่อนคลายและช่วยปรับความสมดุลระดับความดันที่เกี่ยวกับการทรงตัว ระบบไซนัสที่ติดขัดจะเริ่มต้นหมุนเวียนและถ่ายเท และระดับภูมิคุ้มกันจะตอบสนองและพัฒนาขึ้น ซึ่งหมายถึงอาการของโรคต่างๆ จะค่อยๆ ดีขึ้นอย่างชัดเจน เช่น อาการไข้หวัด ไมเกรน ปวดหู หรือช่วยทำความสะอาดหูที่มีขี้หูเปียกชื้นเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคเป็นต้น"
อุปกรณ์สำคัญในการทำสปาหู คือ "เทียนหู" (Ear Candle) ซึ่งทำจากผ้าคอตตอนหรือผ้าลินินที่ไม่ได้ฟอกสี จุ่มลงในขี้ผึ้งแล้วพันม้วนเป็นแท่งกลวงตรงกลาง บางชนิดผสมน้ำมันหอมระเหยหรือสารสกัดจากสมุนไพรอาทิ Peppermint, Eucalyptus, Lavender ลงไปในขี้ผึ้ง ตามสูตรโบราณเพื่อประโยชน์บางอย่างที่ออกมาพร้อมกับควันเทียนในระหว่างการเผาไหม้
สำหรับวิธีการทำ "สปาหู" เริ่มจาการนวดบริเวณใบหน้าเพื่อกระตุ้นให้เลือดหมุนเวียน จากนั้นจึงใช้น้ำมันนวดที่บริเวณใบหูโดยเริ่มจากทำจากหูที่ไม่ค่อยมีปัญหาเพื่อหลีกเลี่ยงการปวดหูด้านเดิมมากขึ้นและเพือให้ร่างกายได้ปรับตัวก่อน จากนั้นจึงใช้เทียนจ่อเข้าไปในรูหู แล้วจุดไฟที่ปลายเทียน โดยขณะที่ทำให้คอยตัดขี้เถ้าเทียนออกเป็นระยะๆ นอกจากนี้ระหว่างทำให้สังเกตที่เปลวไฟ หากไฟนิ่งย่อมแสดงว่ามีการหมุนเวียนของควันได้ดี ส่วนระยะเวลาในการเผาไหม้ของเทียนนั้นประมาณ 8-12 นาที สำหรับคนปกติ และประมาณ 15-20 นาที สำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ ที่สำคัญควรทำทั้ง 2 ข้าง ซึ่งหลังจากทำเสร็จแล้วควรนั่งนิ่งๆ ประมาณ 10 นาที และดื่มน้ำตามมากๆ
"ขณะทำจะได้ยินเสียงคล้ายน้ำตกซึ่งทำให้เกิดความผ่อนคลาย เมื่อทำเสร็จจะรู้สึกว่าตั้งแต่คอขึ้นไปรู้สึกเบาขึ้น คนที่นอนไม่หลับก็ช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้นและคนที่ปวดหูจาการใช้โทรศัพท์มือถือมากๆ ก็จะดีขึ้นด้วย" หลายคนคิดว่าสิ่งที่เห็นด้านในของเทียนนั้นคือ ขี้ผึ้งของเทียนที่เกิดจากกระบวนการเผาไหม้ของเทียนเอง ซึ่งสีที่ปรากฏนั้นสามารถบอกได้ว่าบุคคลนั้นมีสุขภาพอย่างไร
ผลลัพธ์ของขี้ผึ้งจากการทำ "สปาหู" บอกอะไรเราบ้าง?
- สีน้ำตาล ค่อนข้างใส ถือว่าปกติ
- สีน้ำตาลดำ แสดงว่าเป็นคนค่อนข้างเครียด และมีน้ำในหูมาก
- สีน้ำเงิน คือคนที่มีปัญหาโรคมะเร็ง
- สีเขียว คือคนทีมีสุขภาพแย่มาก
อยางไรก็ตาม ความถี่ในการทำสปาหูนั้น ขึ้นอยู่กับบุคคล สำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื้อรังประมาณ 5-10 ปีขึ้นไปควรทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 2 เดือน หลังจากนั้นจึงค่อยๆ ลดลงเหลือสัปดาห์ละครั้ง นอกจากนี้ ผู้ที่ไม่ควรทำสปาหู คือ คนที่เป็นโรคแก้วหูฉีกหรือมีไข้สูงมากๆ รวมทั้งเด็กอายุต่ำกว่า 4 ขวบ ก็ไม่ควรทำเช่นกัน
หมายเหตุ ข้อโต้แย้งและคำเตือนทางวิชาการและวงการแพทย์ เกี่ยวกับการทำ "สปาหู"
•กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ให้ข้อมูลว่าการทำ "สปาหู" ถือว่ายังไม่ได้รับการยอมรับว่าสามารถรักษาโรคตามที่มีการอวดอ้างสรรพคุณ ไม่ว่าโรคใด เช่น โรคไซนัส หวัด ไมเกรน และภาวะน้ำในหูไม่เท่ากัน เนื่องจากยังไม่มีรายงานทางวิชาการสนับสนุน
•องค์การอาหารและยา ประเทศสหรัฐ อังกฤษและแคนาดา ไม่ยอมรับการทำสปาหู โดยวารสารชั้นนำ โสต ศอ นาสิก ในต่างประเทส มีการตีพิมพ์ระบุว่าการทำ "สปาหู"ไม่มีข้อดีมีแต่ข้อเสีย เช่น ทำให้ช่องหูหรือแก้วหูถูกเผาไหม้ เป็นต้น จาการสอบถามผู้ที่เคยใช้บริการ "สปาหู" ในประเทศแคนาดา จำนวน 122 ราย พบว่าได้รับบาดเจ็บจาการทำ "สปาหู" 13 ราย มีการอุดตันของรูหูจากขี้ผึ้งของเทียนสปา 7 ราย สูญเสียการได้ยิน 6 ราย เกิดภาวะแก้วหูทะลุ 1 ราย จากข้อมูลที่มีผู้เสียหายจำนวนมากนี้ หน่วยงานจึงไม่เห็นด้วยที่จะทำ "สปาหู"
•แพทย์บอกว่า "สปาหู" ไม่สามารถรักษาไซนัสให้ดีขึ้นได้ เนื่องจากโพรงไซนัสอยู่บริเวณหน้าผากและติดต่อทางหูชั้นกลาง ขณะที่การทำสปาหูเข้าถึงเพียงบริเวณช่องหูในหูชั้นนอกเท่านั้น โดยมีแก้วหูเป็นตัวกันระหว่างหูชั้นนอกและชั้นกลาง หากจะเข้าถึงหูชั้นกลางต้องเจาะทะลุแก้วหูเข้าไปเท่านั้น ซึ่งจะเป็นอันตราย
- การทำ"สปาหู" ไม่สามารถช่วยดึงน้ำในหูชั้นในได้ จึงไม่อาจรักษาภาวะน้ำในหูไม่เท่ากันได้ โรคนี้จะมีอาการเวียนศีรษะ
- ส่วนขี้หูนั้น มีหน้าที่ป้องกันสิ่งแปลกปลอมเข้ารูหู ปกติแล้วไม่จำเป็นต้องเอาขี้หูออกแต่อย่างใด ยกเว้นขี้หูอุดตันที่ควรให้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เอาออก
- คนที่หูอักเสบเป็นแผลติดเชื้อ หูน้ำหนวก มีของเหลวไหลออกมาจากหู แก้วหูทะลุฉีกขาดเป็นแผล หรือผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดภายในหูไม่ถึง 3 เดือน เยื่อแก้วหูผิดปกติ และเด็กอายุต่ำกว่า 10 ขวบ ไม่ควรทำ "สปาหู" อย่างเด็ดขาด
|