ในสภาวะการแข่งขันทางธุรกิจทุกวันนี้ คงไม่มีธุรกิจใดที่จะหยุดนิ่งได้ เนื่องจากสินค้า และบริการต่าง ๆ มีการพัฒนาเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของตลาดมากยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นช่องทางในการเข้าถึงสินค้าหรือบริการก็มีหลากหลายมากขึ้น ทำให้ทุกวันนี้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้นทั้งในแง่ของสินค้าหรือบริการ และช่องทางที่เลือกซื้อสินค้าหรือบริการเหล่านั้น ดังนั้นธุรกิจใดที่หยุดนิ่งไม่คิดเปลี่ยนแปลงใด ๆ คงยากที่จะอยู่รอดในระยะยาว ถึงแม้ว่าธุรกิจนั้น ๆ อาจจะเคยเป็นธุรกิจที่เคยประสบความสำเร็จมาก่อนก็ตาม ทำไมหรือครับ เนื่องจากทุก ๆ ครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในตลาด (ทั้งในด้านสินค้าทางเลือก หรือ ช่องทางการเข้าถึงสินค้านั้น) ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคตามไปด้วย ดังนั้นสินค้าที่เคยขายได้ ย่อมไม่สามารถการันตีว่าจะสามารถขายได้ต่อไป ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วท่านผู้ประกอบการควรจะทำอย่างไรล่ะครับ
ผมขอแนะนำให้ท่านผู้ประกอบการทั้งหลายเริ่มต้นเป็นคนช่างสงสัย โดยหมั่นตั้งคำถามกับตัวเองอยู่ 2 คำถามตลอดเวลา คือ ทำไม? (Why) และ ทำไมจะทำไม่ได้ หรือทำไมจะเป็นไปไม่ได้? (Why not) ทำไมเหรอครับ เพราะเมื่อเราเริ่มตั้งคำถามว่า ทำไม? กับตลาด และกลุ่มเป้าหมายของเรา จะทำให้เราเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น มากไปกว่านั้น จะทำให้เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นกับตลาดซึ่งมีผลกับพฤติกรรมผู้บริโภคของกลุ่มเป้าหมายของท่าน อันอาจมีผลกระทบกับพฤติกรรมการซื้อสินค้าจากบริษัทของท่านได้ อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการส่วนใหญ่ เมื่อดำเนินธุรกิจใด และประสบความสำเร็จแล้ว มักจะยึดติดกับรูปแบบการทำธุรกิจแบบนั้น โดยไม่ได้คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงที่ค่อย ๆ เกิดขึ้นกับตลาด กว่าจะรู้อีกทีก็สายไปแล้ว ดังนั้น หากท่านผู้ประกอบการหมั่นตั้งคำถามว่า ทำไม? อย่างสม่ำเสมอ ผมเชื่อว่าท่านสามารถเริ่มมองเห็นการเปลี่ยนแปลงก่อนคู่แข่งของท่าน
เมื่อสังเกตเห็นว่าตลาดมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว ผมอยากให้ท่านผู้ประกอบการขบคิดเพิ่มไปอีกขั้นนึงโดยพยายามหาทางตอบสนองการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น โดยหมั่นตั้งคำถามว่า ทำไมจะทำไม่ได้? เพื่อพยายามที่จะหาแนวคิดใหม่ ๆ ในการทำธุรกิจของท่าน การทำเช่นนี้ท่านผู้ประกอบการต้องอย่าไปยึดติดกับสิ่งที่ท่านรู้มากจนเกินไป อย่าลืมนะครับว่าสิ่งที่ท่านรู้นั้น เป็นตลาดเมื่อวานนี้ วันนี้ แต่พรุ่งนี้จะเป็นตลาดของวันใหม่ หากท่านยึดติดกับสิ่งที่ท่านรู้มากไป ท่านจะได้สิ่งเก่า ๆ ในรูปแบบใหม่ ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับความต้องการของตลาดในอนาคตนะครับ การหาไอเดียใหม่ ๆ ท่านอาจลองไปศึกษาธุรกิจอื่น ๆ ที่ได้มีการเปลี่ยนแปลง และประสบความสำเร็จ และลองดูว่าสามารถนำมาปรับใช้กับธุรกิจของท่านได้อย่างไร พูดคุยกับคนนอกวงการบ้าง บางครั้งคนนอกวงการอาจให้มุมมองใหม่ ๆ ที่เราอาจไม่นึกถึงในธุรกิจของเราก็ได้ เพราะกรอบความคิดของเรานั้นยึดติดกับรูปแบบของธุรกิจนั้น ๆ นานจนเกินไป
สุดท้ายผมอยากฝากท่านผู้ประกอบการว่าทุก ๆ ครั้งของการคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการตั้งคำถามที่ถูกต้องและเหมาะสม หลาย ๆ ครั้งเราต้องเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ในการขบคิดหาทางแก้ไขปัญหา แต่ไปไม่ถูกทาง ทั้งนี้เนื่องจากเราตั้งคำถามผิดตั้งแต่ต้น นอกจากนี้นวัตกรรม ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่สลับซับซ้อนจนเกินไป บางครั้งอาจมาในรูปแบบที่ง่ายกว่าที่เราคิด มีเรื่องโจ๊กเรื่องนึงซึ่งผมใช้ย้ำเตือนตัวเองตลอดเวลาสำหรับเรื่องนี้ คือ ในช่วงที่สหรัฐฯ และ รัสเซีย แข่งขันกันเพื่อไปสำรวจอวกาศ ทั้งสองชาติก็ประสบปัญหาว่าปากกาที่ใช้อยู่บนโลกนั้น ไม่สามารถนำไปใช้ได้บนอวกาศ เนื่องจากบนอวกาศไม่มีแรงโน้มถ่วง กลไกการทำงานของปากกาซึ่งอาศัยกฎแรงโน้มถ่วงจึงใช้ไม่ได้ สหรัฐฯได้ทุ่มงบประมาณการวิจัยอย่างมหาศาลเพื่อคิดค้นปากกาที่สามารถทำงานได้ในสภาวะไร้แรงโน้มถ่วง ซึ่งสามารถทำได้สำเร็จ แต่ต้องใช้เงินในการวิจัยหลาย ๆ ล้านดอลลาร์ ในทางกลับกันฝ่ายรัสเซียแทบไม่ต้องใช้งบประมาณเลย เนื่องจากรัสเซียใช้………ดินสอ ครับ ดินสอไม่ต้องการแรงโน้มถ่วงในการทำงานครับ
ที่มา http://www.tmbbank.com/business/sme/advertorial/detail.php?id=6