สวัสดีครับ...วันนี้คุณได้ ”เลือกที่จะไม่ทำ”อะไรในธุรกิจของคุณบ้าง...ใช่ครับ เลือกที่จะไม่ทำ ซึ่งผู้อ่านอาจจะฟังไม่คุ้นเคย เพราะส่วนใหญ่คงคุ้นกับกรอบความคิดในการเลือกที่จะทำโน่น ทำนี่ ทำนั่นมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้นก็มักเป็นไปในกรอบความคิดที่ว่า เลือกในสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ทำ แล้วเคยประสบความสำเร็จมาก่อน ผมขอย้ำนะครับว่า เคยประสบความสำเร็จมาก่อน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วก็ไม่สามารถการันตีได้ว่าการทำตามจะพบความสำเร็จได้เหมือนกัน โดยเฉพาะในโลกธุรกิจที่มีการแข่งขันและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เพราะหลายครั้งการเลือกทำในสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ทำ แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จ แต่กับคนที่เลือกที่จะไม่ทำ กลับเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จมากกว่า

หลายครั้ง ผมได้เห็นผู้คนมากมายยังคงยึดกับสิ่งเดิมๆ หรือที่เรามักพูดว่า ติดกรอบความคิดเดิม ๆ อยู่ โดยเพราะกรอบความคิดในมุมมองจากการเลือกทำในสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ทำ  แต่วันนี้ผมขอให้ท่านลองทำลายกรอบความคิดเดิมๆ นั้น แล้วเปลี่ยนมุมมองโดย “เลือกที่จะไม่ทำ” ดูบ้าง 

ผมขอยกสิ่งที่ผมเคยได้เห็นมาในต่างประเทศ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจมาเล่าให้ฟังครับ สำหรับในธุรกิจโรงแรมนั้น โดยส่วนใหญ่หรือที่เรารู้ๆกัน ก็มักจะแข่งขันกันในมิติของเรื่องดาวต่างๆ ที่ได้รับ ไม่ว่าจะเป็นสามดาว สี่ดาว ห้าดาว บางทีเริ่มขยับขึ้นเป็นเจ็ดดาวแล้ว เจ้าของธุรกิจโรงแรมก็มักจะมุ่งมั่นในการให้ได้มาซึ่งดาวระดับต่างๆ ซึ่งก็ต้องมีองค์ประกอบที่เป็นเลิศในทุกด้าน เพื่อเชื่อว่าหากได้ดาวจำนวนสูง ก็จะเป็นโรงแรมที่ประสบความสำเร็จได้ดีในธุรกิจ อย่างไรก็ตามการจะมีองค์ประกอบที่เป็นเลิศในทุกด้านนั้น จะต้องมีการบริหารที่ดีและเงินทุนที่มากมาย ทำให้ผู้ที่มีพลังเงินทุนหนากว่า ก็มักจะมีข้อได้เปรียบมากกว่า แต่โดยแท้จริงแล้วในธุรกิจโรงแรมนั้น สามารถทำลายกรอบความคิดเดิม และเปลี่ยนมุมมองบนกรอบความคิดใหม่ โดยการเลือกที่จะไม่ทำในสิ่งที่โรงแรมส่วนใหญ่ทำเพื่อพิชิตสามดาว ห้าดาว แต่กลับสามารถประสบความสำเร็จได้เช่นกัน ดังเช่น โรงแรมหนึ่งที่ตั้งอยู่ข้างทางหลวงไฮเวย์ ซึ่งโรงแรมนี้เน้นเพียงเตียงที่นุ่มหลับสบาย และห้องที่เก็บเสียง เพื่อคนที่มาพักซึ่งมักจะเป็นผู้เดินทางที่มาถึงโรงแรมเพื่อนอนเท่านั้น และให้คุณค่าแก่การนอนอย่างเต็มอิ่มเพื่อพร้อมออกเดินทางในเช้าวันต่อไป ซึ่งปรากฏว่าโรงแรมนี้มีลูกค้าเข้ามาพักมากมายและสามารถประสบความสำเร็จในธุรกิจได้เป็นอย่างดีเช่นกันโดย “เลือกที่จะไม่ทำ” ล็อบบี้ที่ใหญ่โตหรูหรา หรือ ฟิตเนส สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ หรือห้องอาหารรสเลิศ เหมือนโรงแรมที่มีอยู่มากมาย ซึ่งในกรณีนี้ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายต้องการ เนื่องจากมาพักค้างแรมและเดินทางต่อทันที ซึ่งเห็นได้ว่าโรงแรมนี้ก็สามารถแจ้งเกิดได้ไม่ยาก โดยผู้ประกอบการเองก็ใช้เงินลงทุนในธุรกิจที่น้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับบรรดาโรงแรมระดับหลายดาวต่างๆ แต่กลับพิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถมีลูกค้ามาพักเต็มกว่าโรงแรมระดับหลายดาวบางแห่งเสียอีกรวมทั้งโรงแรมในระดับเดียวกัน

เมื่อมาวิเคราะห์จะเห็นว่า มีบางอย่างที่ต้องตระหนักและพิจารณาระหว่าง สิ่งที่ Nice to have (ทำได้ก็ดี แต่ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร) หรือ Must Have (ต้องทำให้ดี) เพื่อตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอันนำไปสู่การเลือกที่จะไม่ทำ หรือ เลือกที่จะทำ เราสามารถเลือกที่จะไม่ทำในสิ่งที่เป็น Nice to Have แต่ควรจะต้องเลือกทำในสิ่งที่ Must Have สำหรับลูกค้าของเรา บางครั้ง บางคราว เราอาจหลงลืม และ ไปมุ่งสร้าง Nice to Have มากกว่า ซึ่งการทำในสิ่ง Must Have ก็คือ การทำในสิ่งที่ลูกค้าต้องการและให้คุณค่าอย่างแท้จริงนั่นเอง 
 ที่มา http://www.tmbbank.com/business/sme/advertorial/detail.php?id=7