บทความที่เขียนขึ้นครั้งนี้ ผู้ เขียนขอเปรียบเทียบ ตัว C ใน 2 ความหมาย คือ Creative กับ Change เพราะ 2 คำนี้ เป็นคำที่นิยมมาก โดยเริ่มจาก Change หรือ การเปลี่ยนแปลง ที่นิยมมาก มาระยะหนึ่งแล้ว และปัจจุบันที่นิยมมาก คือ Creative มาพิจารณาดูว่า 2 คำนี้ เหมือน หรือ ต่างกันอย่างไร
Change หรือ การเปลี่ยนแปลง เกิดขึ้นจากผล ของคำว่า ยุคโลกแบน นั่น หมายความว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ สามารถรับรู้ สามารถสื่อถึงกันได้อย่างรวดเร็ว ทุกมุมของโลกใบนี้สามารถเรียนรู้ถึงกันได้หมด เมื่อเป็นเช่นนี้ หมายความว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น ณ ที่หนึ่ง ย่อม รับรู้ถึงกัน เช่น ถ้าเกิด มีความต้องการสินค้าและบริการใดเกิดขึ้น ทุกประเทศ ย่อมรับรู้ถึงความต้องการนั้น ทำให้เกิดการเปลี่ยน แปลงย่อมเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา ทุกโอกาส เพื่อทำให้เกิดธุรกรรมที่สนองความ ต้องการของผู้บริโภค และการเปลี่ยนแปลงก็สามารถเกิด แล้วก็เกิดอีกได้ ในความเห็นของผู้เขียน จึงเห็นว่า ถ้าผู้ประกอบการจะ ต้องรวดเร็วต่อการตอบสนองความต้องการ แล้วผู้ประกอบ การขนาดกลางและขนาดย่อมล่ะมีการเปลี่ยนแปลงบ้างหรือยัง เพื่อ เป็นการตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนไป ดังนั้น ผู้เขียนขอให้ข้อคิดของการเปลี่ยนแปลงว่า สิ่งที่ผู้ประกอบการควรนำมาคำนึงถึงเมื่อคิดจะเปลี่ยนแปลง ประกอบไปด้วย
1. สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลง ในฐานะที่เป็นผู้ประกอบการสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงนั้น จะต้องสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงความต้องการของผู้ บริโภค เพื่อให้สินค้าและบริการสามารถจำหน่ายได้ เพราะเป้าหมายของการดำเนินธุรกิจ คือ การจำหน่ายสินค้าและบริการ การแปลี่ยนแปลงที่เห็น ได้ชัดเจนในปัจจุบัน คือ การ ผลิตแบบ Mass ใช้ไม่ได้ผล เพราะผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงความ ต้องการตลอดเวลา จึงเปลี่ยนแปลงจากการผลิตแบบ Mass เป็นแบบNiche หรือเรียกว่า เปลี่ยน จาก Mass Market เป็น Niche Market ดังนั้นผู้ประกอบการจึงต้องเปลี่ยนแปลง ในหลายขั้นตอน อาทิเช่น
กระบวนการผลิต จะต้องเป็นการผลิตให้สินค้าและบริการใน จำนวนไม่มาก แต่ต้องมี คุณลักษณะ คุณภาพของสินค้าและบริการที่แตกต่างกัน ให้เหมาะสมกับผู้บริโภคแต่ละหน่วย คำ ว่า แต่ละหน่วยนั้น มีความหมายได้หลายกรณี อาทิเช่น แต่ละบุคคล แต่ละสังคม แต่ละประเทศ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม ของผู้บริโภค
กระบวนการการตลาด จะ ต้องนำเสนอสินค้าและบริการให้เหมาะกับผู้บริโภค โดย จะต้องทำการศึกษาผู้บริโภคก่อนว่า สิ่งแวดล้อม สังคม วัฒนธรรม เป็นเช่นไร เพราะปัจจุนตลาดเป็นของผู้ซื้อ มิใช่ ตลาดเป็นของผู้ขาย นั่นหมายความว่า ผู้ซื้อแต่ละคน มีความต้องการที่แตกต่างกัน ทำให้การขายสินค้า จำนวนมากในแต่ละครั้งไม่ได้ผล นั่นเอง
กระบวนการบริหารจัดการ จะ ต้องมีกระบวนการที่รวดเร็ว ตรงต่อเวลา ซื่อสัตย์ต่อผู้ซื้อ มิเช่นนั้น จะเป็นจุดอ่อนที่ให้คู่แข่งขันสามารถนำไปใช้ได้เป็นอย่างดี
2. เวลา เมื่อผู้ประกอบการรู้แล้วว่า จะ ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร ถ้าจะทำให้การเปลี่ยนแปลงนั้น ได้ผลดี จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เหมาะสมกับเวลา สถานที่ ด้วย เพราะ อะไรก็ตาม ถ้ามาเร็วเกินไป ผู้ บริโภคยังตามไม่ทัน ก็ล้มเหลว แต่ ถ้ามาช้าเกินไป ก็ไม่สนองความต้องการ เพราะความต้องการหมดไปแล้ว
3. กลุ่มเป้าหมาย คือ องค์ประกอบ ที่จะทำให้การเปลี่ยนแปลงได้ผลอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่ง หมายความว่า จะเปลี่ยนแปลงสิ่งใดก็ตามจะต้องตรงกับ กลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการในสิ่งนั้น เรียกว่า สนองความต้องการ คือ ให้ยึดกลุ่มเป้าหมายเป็นศูนย์กลาง นั่น เอง เพราะถ้าทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับผู้ที่ไม่ ต้องการ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงย่อมไร้ผล
ส่วนคำว่า Creative กำลังเป็นคำที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน นโยบายภาครัฐแทบทุกกระทรวงมุ่งสู่ Creative ดังนั้น ถ้าจะ แปลความหมาย Creative หมายถึง การคิดสร้างสรรค์ หรือ อาจเรียกว่า คิดแตกต่างจากเดิม คิดต่อยอดจากเดิม คิดในมิติองค์รวม เพื่อมองอย่าง เป็นระบบ ก่อให้เกิดภาพใหม่ๆ หรือ ภาพเดิมที่มีการปรุงแต่งใหม่ เพื่อ ให้เหมาะสมกับเวลา สถานที่ สิ่ง แวดล้อมที่เปลี่ยนไป หรือ อาจเป็นความคิดที่ใช้แนวคิดนอกกรอบ เพื่อก่อให้เกิด สิ่งใหม่ก็ได้ หรืออาจกล่าวว่า Creative คือ แนวคิด เพื่อก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน Creative สามารถนำ ไปใช้ได้ทุกกิจกรรมของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นภาคการ ผลิต ภาคการตลาด ภาคการ บริหารจัดการ ภาคการเงิน
ดังนั้น จึงเป็นความจำ เป็นอย่างยิ่งที่ผู้ประกอบการ จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง หรือ มีความคิดสร้างสรรค์ ตลอดเวลา และ ที่สำคัญยิ่งคือ จะต้องเหมาะสมกับสิ่งแวดล้อม (ซึ่งหมายความรวมถึงทั้งสังคม วัฒนธรรม ) เวลา และ กลุ่มเป้าหมาย
ที่มา http://guru.thaibizcenter.com/articledetail.asp?kid=7059 |